ทักษะทางด้านภาษา
ส่วนแรก คือ ทักษะทางด้านภาษา ซึ่งแบ่งย่อยได้เป็นสามข้อ คือ
1)
ไวยกรณ์ (grammar) ไวยกรณ์ก็เป็นกฎเกณฑ์ของการเรียบเรียงคำในภาษา เบื้องต้นที่เรารู้จักกัน และที่คล้ายกับในภาษาไทยก็คือ เรื่องประธาน กริยา และกรรม แต่ไวยกรณ์ในภาษาอังกฤษมีเรื่องหยุยหยิมมากกว่าภาษาไทยเยอะมาก ซึ่งก็เป็นปัญหาสำหรับคนไทย ผมจะพูดถึงโดยละเอียดสำหรับความสำคัญ (และไม่สำคัญ) ของไวยกรณ์ในภาษาพูดใน
บทที่ 20
2) คำศัพท์ (vocabulary) ก็แน่นอนนะครับเรื่องศัพท์ คนไทยเราก็นิยมท่องศัพท์กันอยู่แล้ว ขอย้ำอีกครั้งว่า การเรียนคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเด็ก ๆ มักจะท่องคำแปลกันเฉย ๆ เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องครับ มันใช้ได้กับศัพท์ง่าย ๆ เท่านั้นเอง เช่น dog แปลว่า หมา วิธีที่ถูกต้องคือ
- ต้องรู้ความหมาย ไม่ใช่คำแปล ความหมายนี้มันถึงกว่าคำแปลครับ มันคือ คุณรู้ว่าคำนั้น ๆ ใช้ในสถานการณ์ไหน แล้วหมายความว่าอะไร
- ต้องรู้วิธีใช้ อันนี้ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องไวยกรณ์ เช่น บางทีคำต้องใช้แบบเป็นคำคุณศัพท์ หรือคำกริยา เช่น interested หมายความว่า รู้สึกสนใจ เวลาใช้ก็ต้องพูดว่า I am interested ไม่ใช่ I interested เป็นต้น
- ต้องรู้การออกเสียง เห็นคำใหม่ ๆ อย่าไปทึกทักเอาเองว่า ออกเสียงอย่างนั้น อย่างนี้ ถ้าไม่แน่ใจ เปิดพจนานุกรมก่อนค่อยจำ อันนี้ก็เป็นความผิดพลาดอีกอย่างหนึ่งของการเรียนศัพท์ของคนไทย ที่ไปใช้พจนานุกรมไทย-อังกฤษ บางฉบับก็ไม่มีคำอ่านให้ บางฉบับมีคำอ่านแต่ก็ไม่บอกว่าเน้นพยางค์ไหน และทุกฉบับก็ไม่มีมาตรฐานกลางว่า การใช้ภาษาไทยแทนการออกเสียงภาษาอังกฤษเป็นอย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นส่วนที่หนังสือเล่มนี้จะมาช่วยแก้ไข ซึ่งผมจะกล่าวในบทต่อไป
3) สำนวนของภาษาพูด เรารู้คำศัพท์ และรู้ไวยกรณ์ ก็ยังไม่พอนะครับ ยังต้องรู้สำนวนที่เขาใช้กันอีก สำนวนในที่นี้ ผมไม่ได้หมายถึง สแลง (slang) อย่างเดียวนะครับ สแลง คือ สำนวนที่พูดแล้วมีความหมายพิเศษ ไม่ตรงกับความหมายของการใช้คำนั้น ๆ โดยตรง ส่วนใหญ่ก็เป็นการใช้ในภาษาพูด หรือการใช้แบบไม่เป็นทางการ และ ก็มักเป็นการใช้เฉพาะในท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น คำว่า cool โดยปกติก็แปลว่าเย็น แต่ก็เอามาใช้อธิบายสถานการณ์ หรืออธิบายคนได้ แปลว่า เจ๋ง หรือเยี่ยม อันนี้ก็เป็นสแลงของอเมริกัน ที่แผ่ขยายไปใช้กันทั่วโลกนะครับ
สแลงถือเป็นส่วนน้อยของสำนวนการพูดครับ มีสำนวนอีกเยอะแยะที่เป็นพื้นฐานที่เขาใช้กันทั้งไป ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน ตัวอย่างเช่น การขอร้องให้คนช่วยพูดอย่างไร การพูดแนะนำเส้นทางพูดอย่างไร เป็นต้น อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ การใช้คำคู่ต่าง ๆ ก็มีมากมาย ซึ่งบางครั้งก็มีที่ใช้พิเศษของมัน เช่น เวลาเปิดไฟ ปิดไป เขาก็พูดว่า turn on the light กับ turn off the light ไม่ได้พูดว่า open หรือ close
สำหรับเรื่องของคำศัพท์ และสำนวนนี้ ไม่ใช่ประเด็นหลักของหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ ทักษะนี้เป็นสิ่งที่ต้องสะสมกันไปไม่มีที่สิ้นสุดครับ ผมเองก็เรียนคำใหม่ ๆ สำนวนใหม่ ๆ อยู่แทบทุกวัน ผมก็เห็นว่า มีผู้ที่ตีพิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับคำศัทพ์ และสำนวนอยู่มากแล้ว ทั้งบนแผงหนังสือ และในอินเตอร์เนต ผมเองก็เขียนอยู่เหมือนกัน ซึ่งผู้อ่านสามารถติดตามอ่านได้ฟรีที่
betterenglishforthai.net หรือ
www.facebook.com/betterenglishforthai
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น